เครื่องมือช่าง

ใบเลื่อยวงเดือนตัดเหล็ก เหมาะสำหรับงานช่างที่สุด

ใบเลื่อยวงเดือนตัดเหล็ก

ใบเลื่อยวงเดือนตัดเหล็ก เหมาะสำหรับงานช่าง โดยเฉพาะกับช่างงานไม้ เพราะนอกจากมันจะสามารถนำไปใช้งานได้อย่างคล่องตัวแล้ว มันยังสามารถทำงานได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การเลื่อยตัด เลื่อยซอย บังใบ ตัดเข้ามุม การเซาะร่องไม้ การตัดเอียง ตัดเรียว การทำบังใบวงกบประตู และการทำเดือยแบบต่าง ๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้ตัด หรือซอยวัสดุได้อย่างหลากหลาย ทั้งไม้ วัสดุแผ่นสำเร็จรูปชนิดต่าง ๆ แผ่นพลาสติก และกระเบื้อง แถมยังมีการใช้งานที่ง่าย ไม่ยุ่งยาก มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และมีจุดเด่นคือสามารถตัดงานเส้นตรงได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ช่างผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงช่างมือใหม่หลาย ๆ ท่านนิยมเลือกใช้งานเครื่องเลื่อยวงเดือนกันอยู่เป็นประจำ

เลื่อยวงเดือนคืออะไร

เลื่อยวงเดือน คือ เครื่องมืองานช่างแบบไฟฟ้าสำหรับตัดไม้หรือวัสดุอื่นที่มีเนื้อแข็ง หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นเลื่อยไฟฟ้ารูปแบบหนึ่ง โดยมีใบเลื่อยเป็นรูปวงกลมและมีมอเตอร์หมุนใบเลื่อยให้สามารถตัดสิ่งของต่าง ๆ โดยจุดเด่นคือ สามารถทุ่นแรงและย่นระยะเวลาได้มากกว่า อีกทั้งหน้าตัดและพื้นผิวที่ได้จะมีความสวยงามมากกว่าการใช้เลื่อยธรรมดา

นอกจากนี้ เลื่อยวงเดือนยังเหมาะกับงานตัดไม้ในมุม 45 องศาที่นิยมใช้ในการทำเฟอร์นิเจอร์และงาน DIY ต่าง ๆ ซึ่งสามารถช่วยให้ตัดได้พอดีตามองศาที่ต้องการ สะดวกสบาย แต่บางรุ่นอาจไม่รองรับการตัดเอียง 45 องศา เราจึงควรตรวจสอบให้แน่ใจอีกครั้งก่อนการเลือกซื้อ

วิธีการเลือกเลื่อยวงเดือน

เลื่อยวงเดือนมีหลายประเภทให้เลือกใช้งาน ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจว่า สิ่งสำคัญที่เราควรรู้ก่อนเลือกซื้อเลื่อยวงเดือนนั้นมีอะไรบ้าง

  1. เลือกเลื่อยวงเดือนให้เหมาะกับการใช้งาน

เลื่อยวงเดือนแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ เลื่อยวงเดือนพกพา โต๊ะเลื่อยวงเดือน และแท่นตัดองศาสไลด์ โดยแต่ละประเภทมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับจุดเด่นของแต่ละประเภทเพื่อให้เลือกซื้อเลื่อยวงเดือนที่เหมาะกับการใช้งานของเรามากที่สุด

  1. เลือกเลื่อยวงเดือนจากแหล่งจ่ายไฟ

โดยส่วนใหญ่แล้วเลื่อยวงเดือนจะเป็นแบบมีสายไฟคือ สามารถเสียบปลั๊กและใช้งานได้ทันที แต่มีบางรุ่นเป็นแบบไร้สาย แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็มีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกันออกไป รายละเอียดจะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย

แบบชาร์ตแบตเตอรี่ ควบคุมง่าย

หากเราต้องการเลื่อยวงเดือนพกพาที่ใช้งานได้สะดวก ควรเลือกประเภทแบบชาร์ตแบตเตอรี่ เพราะสามารถนำไปใช้งานในที่ที่ไม่มีเต้ารับ อีกทั้งไม่มีสายไฟให้กวนใจขณะใช้งานอีกด้วย แต่สิ่งที่ควรคำนึงคือหากแบตเตอรี่หมดก็ไม่สามารถใช้งานต่อได้ อีกทั้งตัวแบตเตอรี่และเครื่องชาร์จมีราคาสูง หากแบตเตอรี่เสื่อมก็ต้องเสียเงินเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ

แบบมีสายไฟ ให้กำลังไฟสม่ำเสมอ

ข้อดีของเลื่อยวงเดือนแบบมีสายไฟนี้คือให้กำลังการหมุนของใบเลื่อยที่มากกว่า ทั้งยังสามารถใช้งานได้เป็นระยะเวลานาน ไม่ต้องห่วงว่าแบตเตอรี่อ่อนหรือหมด อีกทั้งยังดูแลรักษาได้ง่าย ลดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม เลื่อยวงเดือนประเภทนี้จำเป็นต้องใช้งานกับเต้าเสียบ อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงความยาวของสายไฟว่าสะดวกต่อการใช้งานหรือไม่ ดังนั้น เราควรวัดความยาวของสายไฟที่ต้องการให้เรียบร้อยก่อนเลือกซื้อ

  1. ตรวจสอบระยะตัดสูงสุดและรอบหมุนสูงสุดของเลื่อยวงเดือน

งานช่างไม้หลายแบบจำเป็นต้องใช้วัสดุที่มีหน้าตัดเป็นองศาต่าง ๆ หากเราตัดได้ไม่ตรงตามองศาที่กำหนดไว้ ผลงานที่ออกมาหรือพื้นผิวนั้นจะไม่สวยงาม ไม่คงทนและแข็งแรง ดังนั้น เราจึงควรเลือกเลื่อยวงเดือนที่รองรับการตัดวัสดุได้หลายองศาด้วย แต่ในแต่ละรุ่นรองรับระยะความลึกของแต่ละองศาได้แตกต่างกันออกไป เราจึงควรตรวจสอบให้ถี่ถ้วนก่อนจะเลือกซื้อ

สิ่งสำคัญที่สุดที่เราต้องพิจารณาคือ ตรวจสอบว่ามีการระบุระยะตัดสูงสุดหรือไม่ เช่น หากใช้ตัด 90° ก็จะสามารถตัดลึกได้ 57 มม. หรือ 45° : 38 มม. เป็นต้น เราสามารถเลือกเลื่อยวงเดือนที่เหมาะกับความหนาของวัสดุที่เราจะใช้ตัดได้จากตัวเลขนี้

หากเป็นแท่นตัดองศาสไลด์ก็ควรตรวจสอบความหนาของวัสดุในแบบอื่นด้วย เช่น วัสดุไม้ 45 x 85 มม. หรืออาจระบุในรูปแบบ 61 x 312 มม. หรือ แท่งไม้กลมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 20 มม. เพื่อระบุขนาดสูงสุดที่สามารถใช้งานได้ เพราะหากเราใช้ตัดวัสดุที่ใหญ่เกินที่ระบุไว้ อาจทำให้มอเตอร์ทำงานหนักจนก่อให้เกิดความเสียหายได้

  1. ตรวจสอบขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของใบมีดเลื่อยวงเดือน

ก่อนจะเลือกไซส์ของใบเลื่อย ลองทบทวนดูก่อนว่าเราใช้เลื่อยวงเดือนตัดอะไรบ้าง เพราะใบเลื่อยนั้น ยิ่งมีขนาดใหญ่หรือเส้นผ่านศูนย์กลางที่กว้างแล้วจะยิ่งมีน้ำหนักมาก ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการใช้รีโนเวทบ้านที่ต้องเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนบ่อย ๆ ควรเลือกใบเลื่อยที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 165 มม. ที่มีน้ำหนักเบาและเคลื่อนย้ายสะดวก แต่ถ้าหากต้องการตัดมุมองศาของไม้ที่มีขนาด 2 x 4 นิ้ว ก็ควรเลือกใบเลื่อยที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 190 มม. โดยเราต้องคำนึงถึงประเภทวัสดุ ความหนาของวัสดุและเลือกใบเลื่อยให้เหมาะกับสิ่งของนั้น ๆ 

  1. เลือกแท่นตัดองศาสไลด์ที่มีฐานอะลูมิเนียมหรือฟลูออรีน

สมัยก่อนมักนิยมใช้เหล็กเป็นวัสดุที่ใช้ทำเป็นฐานแท่นตัดองศาสไลด์ แต่เหล็กมีข้อเสียคือสีลอกและขึ้นสนิมง่าย หากได้รับความเสียหายก็เปลี่ยนรูปได้ง่าย ปัจจุบันจึงหันมาใช้อะลูมิเนียมหรือฟลูออรีนกันมากขึ้น เพราะมีความแข็งแรงกว่า อีกทั้งยังเปลี่ยนรูปยาก ถ้าเราต้องการแท่นตัดองศาสไลด์ที่ใช้งานได้อย่างยาวนาน ก็ควรเลือกวัสดุสองประเภทนี้

ฐานอะลูมิเนียมมีพื้นผิวที่เรียบเสมอกัน ช่วยทำให้ตัดได้อย่างปลอดภัยและมั่นคง แถมยังมีน้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับเหล็ก จึงเหมาะกับการใช้งานเป็นระยะเวลานาน ส่วนฟลูออรีนนั้นเหมาะกับการใช้งานอเนกประสงค์ สามารถใช้งานได้ทั้งไม้แห้งและวัสดุอื่น ๆ ที่มีความชื้นสูง

Similar Posts